เมื่อวันที่ 11-14 ตุลาคม 2007 ทางมหา’ลัยก็พาพวกเราเที่ยวอีกแล้ว เย้
คราวนี้ไปยังเมืองออคริดอีกครั้งหลังจากครั้งก่อนได้มาเยือนตอน ทริปสตรูก้า-ทะเลสาบออคริด ได้เดินแค่ชั่วโมงเดียว คราวนี้ทางมหาลัยพาเที่ยวล้วนๆไม่อิงวิชาการ สบายเลย
เมืองออคริดนี้แต่เดิมชื่อเมือง Lychnidos แปลว่าเมืองแห่งแสงสว่าง แต่ต่อมาประมาณปี ค.ศ. 879 ช่วงที่ชาวสลาฟ (โดยชาวบัลกาเรียน) ครองพื้นที่แห่งนี้ก็เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Ohrid แทนซึ่งแปลว่า เมืองที่อยู่บนภูเขา (เอ่อ…ง่ายไปมั้ย) ประวัติของเมืองนี้แต่เดิมเป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่า Dassaretae ของกรีกมาก่อนต่อมากษัตริย์ฟิลิปที่สองแห่งมาเซดอนกระจายอำนาจและปกครองเมืองนี้ในช่วง 400 ปีก่อนคริสตกาล จากนั้นก็เปลี่ยนแปลงสลับสับเปลี่ยนผู้ปกครองเรื่อยมาจนมาสมัยจักรวรรดิออตโตมันปี ค.ศ. 1664 เมืองออคริดก้เป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญแต่นั้นมา โดยในปัจจุบันเมืองออคริดถือเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญลำดับต้นๆของประเทศมาซิโดเนีย ซึ่งมีการบันทึกว่าเมืองนี้มีโบสถ์กว่า 365 โบสถ์ จนได้รับการขนานนามว่า “เยรูซาเลมแห่งบอลข่าน” และได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก (รวมกับทะเลสาบ) ในด้านวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมในปี ค.ศ. 1980
ระหว่างทางเขาพักแวะที่มัสยิตที่เมืองเทโทโว
Tetovo Mosque
ในเขตเมืองเตโตโบนี้เป็นชุมชนดั้งเดิมที่มีมาแต่สมัยยุคทองแดง มีการอยู่อาศัยเรื่องมาจนเมื่อปี ค.ศ. 1495 ก็ได้มีการสร้างมัสยิตแห่งนี้ขึ้น โดยคอนเซปต์ดั้งเดิมคือสร้างโบสถ์ที่มีภาพเขียนสีสวยงามรอบอาคาร พอมาสมัยจักรวรรดิออตโตมันมาพบเมื่อปีค.ศ.1833 เห็นความสวยงามของมัสยิตแห่งนี้จึงได้มาบูรณะโดยการนำของอับเดอรามัน พาชช่า ผู้ครองเมืองแถบนี้
St.Jovan Bigorski Monastery
โบสถ์เซนต์จอห์นตั้งอยู่ตรงข้ามหมู่บ้าน Rostuse ที่ความสูง 740 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลติดแม่น้ำเรดิก้า โบสถ์แห่งนี้สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1020 เพื่ออุทิศแด่เซนต์จอห์น สิ่งโดดเด่นของที่นี่คือเป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สร้างบนเขา และภายในมีรูปไม้แกะสลักสวยงามของช่างไม้ Petre Filipovski Garkata จากเมือง Gari และ Makarija Frckovski จากเมือง Galicnik
St. Sophia church
โบสถ์เซนต์โซเฟียเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในยุคกลางของแถบละแวกนี้ พื้นที่ตรงนี้มีการสร้างโบสถ์ซ้อนทับกันถึง 4 ครั้ง โดยครั้งแรกสร้างในสมัยโรมัน (ตอนนั้นสร้างเป็นศาล) จนครั้งหลังสุดที่เราเห็นปัจจุบันนี้สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1035 โดยอาร์คบิชอป Lav ครั้งหนึ่งที่นี่เคยถูกเปลี่ยนให้เป็นมัสยิตในช่วงที่ชาวเติร์กยึดครอง แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นโบสถ์คริสต์ออโธดอกซ์อย่างที่เห็นในปัจจุบันนี่แหล่ะ
Old Theater of Ohrid
โรงละครสมัยโบราณของเมืองมาซิโดเนียตั้งอยู่ในจุดศูนย์กลางของเมืองซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเขา Gorni Saraj และ Deboj เพื่อช่วยป้องกันลมได้เป็นอย่างดี บริเวณโรงละครศิลปะเกรโก้-โรมันนี้มีพื้นที่กว่า 4,000 ตารางเมตร ปัจจุบันใช้เป็นที่แสดงฤดูร้อนของเมือง
St.Bogorodica church
โบสถ์นี้สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1295 เพื่ออุทิสแด่พระแม่มารีถึงคุณลักษณะความเป็นผู้รู้แจ้งเห็นจริงของพระแม่มารี สร้างโดย Progon Zgur และตกแต่งจิตรกรรมฝาผนังดดยสองจิตรกรหนุ่ม Michael และ Eutychius ซึ่งแสดงถึงศิลปะและชีวิตจิตใจของชาวไบเซนไทน์ในช่วงนั้นเป็นอย่างดี ทั้งอารมณ์ ความคิดที่แฝงอยู่ในภาพราวกับมีชีวิตจริง แต่น่าเสียดายนะ ถ่ายรูปมาฝากไม่ได้ 555
สำหรับ icon gallery หากใครอยากเห็นศิลปะข้างใน กดเข้าทางนี้เลย
St. Pantelejmon Plaosnik church
โบสถืแห่งนี้เชื่อว่าสร้างเมื่อครั้งที่เซนต์คลีเมนต์มาเยือนตามคำขอของกษัตริย์บอริสที่ 1 แห่งบัลกาเรีย (ผู้ปกครองเมืองออคริดในช่วงต้น) ที่ให้มาช่วยบูรณะเมืองแห่งนี้ เมื่อมาถึงเซนต์คลีเมนต์ไม่ค่อยชอบใจนักกับขนาดของศาสนจักรแห่งนี้จึงได้บูรณะและขยายอาณาเขตให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม โดยมอบหมายให้ St.Panteleimon เป็นผู้ดำเนินการ เพื่อใช้เป็นที่เรียนที่สอนแก่เหล่าสาวก ที่โบสถ์แห่งนี้เองมีห้องใต้ดินซึ่งใช้เป็นที่ฝังพระศพของเซนต์คลีเมนต์ในปี ค.ศ. 916 ซึ่งปัจจุบันทำเป็นช่องกระจกใสมห้มองลงไปเห็นข้างล่างนั้น (น่าเสียดายถ่ายรูปมาให้ดูไม่ได้ 555)
Samuel’s Fortress
ป้อมปราการของซามูเอลสร้างในช่วงที่ซามูเอลปกครองเมืองนี้เมื่อปี ค.ศ. 976 – 1014 และตั้งให้เมืองออคริดเป็นเมืองหลวงของมาซิโดเนียในสมัยนั้น เป็นป้อมปราการสมัยยุคกลางที่ใหญ่ที่สุดในประเทศมาซิโดเนียตั้งอยู่บนยอดเขาที่สามารถแลเห็นข้าศึกจากทุกด้าน ล้อมรอบด้วยกำแพงขนาดมหึมายาวกว่า 3 กิโลเมตร เพื่อใช้เป็นที่บัญชาการทางศาสนาและการเมือง ยึดถือว่าเมืองออคริดนี้เป็นเมืองหลวงแห่งยุคกลางจริงๆ
St. Jovan Kaneo
โบสถ์เซนต์จอห์นที่ผาคาเนียว สร้างเพื่อุทิสแด่เซนต์จอห์น หลักฐานการสร้างโบสถ์นี้ไม่เป็นที่แน่ชัด แต่คาดว่าน่าจะสร้างก่อนปี ค.ศ. 1447 ตัวโบสถ์เทียบกับที่ผ่านมาไม่เก่าเท่าไหร่ แต่ที่นี่เป็นเหมือนแลนด์มาร์คนึงของเมืองจากทำเลที่ตั้งที่โดดเด่นนี่เอง
St. Naum church
โบสถ์เซนต์นวมนี้ตั้งอยู่สุดปลายทะเลสาบติดชายแดนอัลบาเนีย ถือเป็นโบสถ์ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของออคริด คาดว่าสร้างเมื่อปี ค.ศ. 910 โดยเซนต์นวม แต่ของเก่าก็ผุพังตามกาลเวลา ที่เห็นอยู่นี้คือโบสถ์ที่บูรณะใหม่เมื่อคริสตศตวรรษที่ 16 และภาพเขียนแบบเฟรสโก้ภายในที่แสดงถึงชีวิตและปาฏิหาริย์ของเซนต์นวมวาดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1806 และข้างในมีมุมหนึ่งที่เชื่อว่าฟังแล้วจะได้ยินเสียงเต้นัวใจของเซนต์นวมที่ฝังอยู่ในโบสถ์แห่งนี้
หลังจากทุกคนพร้อม ก็ออกเดินทางในช่วงเช้าไปยังเมืองบิโตล่าซึ่งเป็นเมืองสุดท้ายที่ไปในประเทสมาซิโดเนียละ
สำหรับรูป 360 panorama เข้าไปดูได้ที่นี่เลย
ขอบคุณข้อมูลจาก : เอกสารที่เบตตี้แจกให้, ohrid.com
Pingback: Macedonia : Skopje | Log 2 Blog
Pingback: Macedonia : Bitola | Log 2 Blog