Macedonia : Ohrid

เมื่อวันที่ 11-14 ตุลาคม 2007 ทางมหา’ลัยก็พาพวกเราเที่ยวอีกแล้ว เย้

คราวนี้ไปยังเมืองออคริดอีกครั้งหลังจากครั้งก่อนได้มาเยือนตอน ทริปสตรูก้า-ทะเลสาบออคริด ได้เดินแค่ชั่วโมงเดียว คราวนี้ทางมหาลัยพาเที่ยวล้วนๆไม่อิงวิชาการ สบายเลย

เมืองออคริดนี้แต่เดิมชื่อเมือง Lychnidos แปลว่าเมืองแห่งแสงสว่าง แต่ต่อมาประมาณปี ค.ศ. 879 ช่วงที่ชาวสลาฟ (โดยชาวบัลกาเรียน) ครองพื้นที่แห่งนี้ก็เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Ohrid แทนซึ่งแปลว่า เมืองที่อยู่บนภูเขา (เอ่อ…ง่ายไปมั้ย) ประวัติของเมืองนี้แต่เดิมเป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่า Dassaretae ของกรีกมาก่อนต่อมากษัตริย์ฟิลิปที่สองแห่งมาเซดอนกระจายอำนาจและปกครองเมืองนี้ในช่วง 400 ปีก่อนคริสตกาล จากนั้นก็เปลี่ยนแปลงสลับสับเปลี่ยนผู้ปกครองเรื่อยมาจนมาสมัยจักรวรรดิออตโตมันปี ค.ศ. 1664 เมืองออคริดก้เป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญแต่นั้นมา โดยในปัจจุบันเมืองออคริดถือเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญลำดับต้นๆของประเทศมาซิโดเนีย ซึ่งมีการบันทึกว่าเมืองนี้มีโบสถ์กว่า 365 โบสถ์ จนได้รับการขนานนามว่า “เยรูซาเลมแห่งบอลข่าน” และได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก (รวมกับทะเลสาบ) ในด้านวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมในปี ค.ศ. 1980

ระหว่างทางเขาพักแวะที่มัสยิตที่เมืองเทโทโว

Tetovo Mosque

ในเขตเมืองเตโตโบนี้เป็นชุมชนดั้งเดิมที่มีมาแต่สมัยยุคทองแดง มีการอยู่อาศัยเรื่องมาจนเมื่อปี ค.ศ. 1495 ก็ได้มีการสร้างมัสยิตแห่งนี้ขึ้น โดยคอนเซปต์ดั้งเดิมคือสร้างโบสถ์ที่มีภาพเขียนสีสวยงามรอบอาคาร พอมาสมัยจักรวรรดิออตโตมันมาพบเมื่อปีค.ศ.1833 เห็นความสวยงามของมัสยิตแห่งนี้จึงได้มาบูรณะโดยการนำของอับเดอรามัน พาชช่า ผู้ครองเมืองแถบนี้

ระหว่างเดินทางแวะที่มัสยิตเมืองเทโทโว

ระหว่างเดินทางแวะที่มัสยิตเมืองเทโทโว

ตอนไปนั้นฝนตกนิดหน่อย

ตอนไปนั้นฝนตกนิดหน่อย

ศิลปะของมัสยิต

ศิลปะของมัสยิต

...

ภาพเขียนสีภายใน

เพดานเป็นรูปมัสยิตต่างๆ

เพดานเป็นรูปมัสยิตต่างๆ

โคมไฟระย้า

โคมไฟระย้า

บัลลังก์หินอ่อน

บัลลังก์หินอ่อน

เด็กน้อยชาวมุสลิมแถวนั้น

เด็กน้อยชาวมุสลิมแถวนั้น

เสียดายที่ฝนตก รอบตัวมัสยิตตกแต่งสวยงาม

เสียดายที่ฝนตก รอบตัวมัสยิตมีภาพเขียนสวยงาม

บรรยากาศข้างทางระหว่างนั่งรถ ช่วงนี้ฤดูฝน

บรรยากาศข้างทางระหว่างนั่งรถ ช่วงนี้ฤดูฝน

เข้าช่วงใบไม้เปลี่ยนสีพอดี

เข้าช่วงใบไม้เปลี่ยนสีพอดี

อาจารย์เห็นหนาวกันเลยแวะกินน้ำชากาแฟกันที่ Trnica ก่อนเดินทางต่อ

อาจารย์เห็นหนาวกันเลยแวะกินน้ำชากาแฟกันที่ Trnica ก่อนเดินทางต่อ

วิวแถวร้านกาแฟ

วิวแถวร้านกาแฟ

กลับมานั่งรถต่อ

กลับมานั่งรถต่อ

St.Jovan Bigorski Monastery

โบสถ์เซนต์จอห์นตั้งอยู่ตรงข้ามหมู่บ้าน Rostuse ที่ความสูง 740 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลติดแม่น้ำเรดิก้า โบสถ์แห่งนี้สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1020 เพื่ออุทิศแด่เซนต์จอห์น สิ่งโดดเด่นของที่นี่คือเป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สร้างบนเขา และภายในมีรูปไม้แกะสลักสวยงามของช่างไม้ Petre Filipovski Garkata จากเมือง Gari และ Makarija Frckovski จากเมือง Galicnik

ระหว่างทางแวะที่โบสถ์ St.Jovan Bigorski เดินขึ้นเขาไปประมาณ 800 เมตร

ระหว่างทางแวะที่โบสถ์ St.Jovan Bigorski เดินขึ้นเขาไปประมาณ 800 เมตร

โบสถ์บนภูเขา สังเกตุว่ามีส่วนที่ชันลงเขามาด้วย ไม่ได้ทำเฉพาะบนพื้นราบที่อยู่บนเขาแบบที่เห็นกันดาษดื่น

โบสถ์บนภูเขา สังเกตุว่ามีส่วนที่ชันลงเขามาด้วย ไม่ได้ทำเฉพาะบนพื้นราบที่อยู่บนเขาแบบที่เห็นกันดาษดื่น

ถึงแล้ว St.Jovan Bigorski Monastery

ถึงแล้ว St.Jovan Bigorski Monastery

วิวข้างหลังที่เดินผ่านมา

วิวข้างหลังที่เดินผ่านมา

รับน้ำมนต์

รับน้ำมนต์

ข้างในมีไม้แกะสลักสวยงามที่มีอายุหลายร้อยปี แต่ห้ามถ่ายรูป

ข้างในมีไม้แกะสลักสวยงามที่มีอายุหลายร้อยปี แต่ห้ามถ่ายรูป

บริเวณภายใน

บริเวณภายใน

เดินทางกันต่อมุ่งหน้าสู่เมืองออคริด

เดินทางกันต่อมุ่งหน้าสู่เมืองออคริด จากรูปเหมือนชายฝั่งแม่น้ำแคบๆ แต่ลองเทียบกับรถคันแดงนั่นสิ

ถึงเมืองออคริดแล้ว ท่าเรือนั่นที่มาครั้งก่อน

ถึงเมืองออคริดแล้ว ท่าเรือนั่นที่มาครั้งก่อน

พักที่โรงแรมริเวอร่า อยู่แทบจะติดกับฝั่งทะเลสาบเลย

พักที่โรงแรมริเวอร่า อยู่แทบจะติดกับฝั่งทะเลสาบเลย

วิวจากห้องโรงแรม (ดันได้ฝั่งจรงข้ามกับทะเลสาบ)

วิวจากห้องโรงแรม (ดันได้ฝั่งจรงข้ามกับทะเลสาบ)

มีเวลาช่วงเย็นนิดหน่อยเดินเล่นรอบเมือง

มีเวลาช่วงเย็นนิดหน่อยเดินเล่นรอบเมือง

ที่เมืองนี้มีโบสถ์เยอะมาก

ที่เมืองนี้มีโบสถ์เยอะมาก

น้ำพุที่มาก่อนหน้านี้วันนี้เปิดน้ำแล้ว

น้ำพุที่มาก่อนหน้านี้วันนี้เปิดน้ำแล้ว

ท่าเรือเก่า

ท่าเรือเก่า

อาหารเย็นที่โรงแรม

อาหารเย็นที่โรงแรม

อร่อยทุกมื้อเลย (ไม่มีผัก 555)

อร่อยทุกมื้อเลย (ไม่มีผัก 555)

ของหวานเย็นวันนั้น

ของหวานเย็นวันนั้น

จุดเด่นอีกอย่างของเมืองนี้คือมีห่านที่ทะเลสาบเยอะมาก

จุดเด่นอีกอย่างของเมืองนี้คือมีห่านที่ทะเลสาบเยอะมาก

เช้าวันใหม่อาจารย์เดินพา city tour แต่อากาศครึ้มเชียว

เช้าวันใหม่อาจารย์เดินพา city tour แต่อากาศครึ้มเชียว

white gallery

Robevi house บ้านหลังนี้สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1827 เป็นอาคารที่ยังดำรงไว้ซึ่งศิลปะอาคารดั้งเดิมของเมืองออคริด ปัจจุบันใช้เป็นพิพธภัณฑ์

ช่องทางเดินลอดอาคาร

ช่องทางเดินลอดอาคาร

St. Sophia church

โบสถ์เซนต์โซเฟียเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในยุคกลางของแถบละแวกนี้ พื้นที่ตรงนี้มีการสร้างโบสถ์ซ้อนทับกันถึง 4 ครั้ง โดยครั้งแรกสร้างในสมัยโรมัน (ตอนนั้นสร้างเป็นศาล) จนครั้งหลังสุดที่เราเห็นปัจจุบันนี้สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1035 โดยอาร์คบิชอป Lav ครั้งหนึ่งที่นี่เคยถูกเปลี่ยนให้เป็นมัสยิตในช่วงที่ชาวเติร์กยึดครอง แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นโบสถ์คริสต์ออโธดอกซ์อย่างที่เห็นในปัจจุบันนี่แหล่ะ

โบสถ์เซนต์โซเฟีย

โบสถ์เซนต์โซเฟีย

อันนี้ด้านหน้า ด้านหลังก็สวยแต่ไม่ได้ถ่ายมา

อันนี้ด้านหน้า ด้านหลังก็สวยแต่ไม่ได้ถ่ายมา

มีเจาะช่องให้ดูโครงสร้างของเดิมที่มีอายุราวพันปี

มีเจาะช่องให้ดูโครงสร้างของเดิมที่มีอายุราวพันปี

เสาโบราณ โบสถ์ที่เมืองนี้ข้างในห้ามถ่ายรูปทุกโบสถ์เลยมั้ง

เสาโบราณ โบสถ์ที่เมืองนี้ข้างในห้ามถ่ายรูปทุกโบสถ์เลยมั้ง

เดินทางต่อ

เดินทางต่อ

Old Theater of Ohrid

โรงละครสมัยโบราณของเมืองมาซิโดเนียตั้งอยู่ในจุดศูนย์กลางของเมืองซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเขา Gorni Saraj และ Deboj เพื่อช่วยป้องกันลมได้เป็นอย่างดี บริเวณโรงละครศิลปะเกรโก้-โรมันนี้มีพื้นที่กว่า 4,000 ตารางเมตร ปัจจุบันใช้เป็นที่แสดงฤดูร้อนของเมือง

โรงละครโบราณ อาจารย์บอกว่าหน้ากากทองคำที่อยู่บนแบงค์ 500 ก็ขุดพบบริเวณนี้แหล่ะ

โรงละครโบราณ อาจารย์บอกว่าหน้ากากทองคำที่อยู่บนแบงค์ 500 ก็ขุดพบบริเวณนี้แหล่ะ

เดินทางต่อแบบข้ามโรงละครโบราณนี้มา

เดินทางต่อแบบข้ามโรงละครโบราณนี้มา

St.Bogorodica church

โบสถ์นี้สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1295 เพื่ออุทิสแด่พระแม่มารีถึงคุณลักษณะความเป็นผู้รู้แจ้งเห็นจริงของพระแม่มารี สร้างโดย Progon Zgur และตกแต่งจิตรกรรมฝาผนังดดยสองจิตรกรหนุ่ม Michael และ Eutychius ซึ่งแสดงถึงศิลปะและชีวิตจิตใจของชาวไบเซนไทน์ในช่วงนั้นเป็นอย่างดี ทั้งอารมณ์ ความคิดที่แฝงอยู่ในภาพราวกับมีชีวิตจริง แต่น่าเสียดายนะ ถ่ายรูปมาฝากไม่ได้ 555

เห็นเป้าหมายโบสถ์ต่อไปไกลๆนั่นแล้ว

เห็นเป้าหมายโบสถ์ต่อไปไกลๆนั่นแล้ว

โบสถ์เซนต์แมรี่

โบสถ์โบโกโรดิก้า

ข้างในห้ามถ่ายรูป แต่ถ้ายืนถ่ายจากข้างนอกคงไม่ผิดกติกามั้ง 555

ข้างในห้ามถ่ายรูป แต่ถ้ายืนถ่ายจากข้างนอกคงไม่ผิดกติกามั้ง 555

ศิลปะบนประตู

ศิลปะบนประตู

ฝั่งตรงข้ามมีห้องแสดงงานศิลปะซึ่งจะเป็นภาพวาดและแผ่นภาพเงินแกะสลัก (ข้างในห้ามถ่ายรูป)

ฝั่งตรงข้ามมีห้องแสดงงานศิลปะซึ่งจะเป็นภาพวาดและแผ่นภาพเงินแกะสลัก (ข้างในห้ามถ่ายรูป)

สำหรับ icon gallery หากใครอยากเห็นศิลปะข้างใน กดเข้าทางนี้เลย

ของขายดีเด่นของที่นี่คือไม้แกะสลัก

ของขายดีเด่นของที่นี่คือไม้แกะสลัก

เรียงฟืนเป็นระเบียบดี

เรียงฟืนเป็นระเบียบดี

St. Pantelejmon Plaosnik church

โบสถืแห่งนี้เชื่อว่าสร้างเมื่อครั้งที่เซนต์คลีเมนต์มาเยือนตามคำขอของกษัตริย์บอริสที่ 1 แห่งบัลกาเรีย (ผู้ปกครองเมืองออคริดในช่วงต้น) ที่ให้มาช่วยบูรณะเมืองแห่งนี้ เมื่อมาถึงเซนต์คลีเมนต์ไม่ค่อยชอบใจนักกับขนาดของศาสนจักรแห่งนี้จึงได้บูรณะและขยายอาณาเขตให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม โดยมอบหมายให้ St.Panteleimon เป็นผู้ดำเนินการ เพื่อใช้เป็นที่เรียนที่สอนแก่เหล่าสาวก ที่โบสถ์แห่งนี้เองมีห้องใต้ดินซึ่งใช้เป็นที่ฝังพระศพของเซนต์คลีเมนต์ในปี ค.ศ. 916 ซึ่งปัจจุบันทำเป็นช่องกระจกใสมห้มองลงไปเห็นข้างล่างนั้น (น่าเสียดายถ่ายรูปมาให้ดูไม่ได้ 555)

โบสถ์เซนต์ Pantelejmon Plaosnik

โบสถ์เซนต์ Pantelejmon Plaosnik

รอยต่อโครงสร้างเดิม กับโครงสร้างใหม่ เป็นลักษณะแผ่นยาง

รอยต่อโครงสร้างเดิม กับโครงสร้างใหม่ เป็นลักษณะแผ่นยาง

ส่วนที่มีลายกระเบื้องโบราณก็กันไว้ไม่ให้เยียบ

ส่วนที่มีลายกระเบื้องโบราณก็กันไว้ไม่ให้เยียบ

จากตัวโบสถ์มองเห็นทะเลสาบชัดเจน

จากตัวโบสถ์มองเห็นทะเลสาบชัดเจน

มีเห่อโยนเหรียญเหมือนบ้านเราเลยแฮะ

มีเห่อโยนเหรียญเหมือนบ้านเราเลยแฮะ

ยังมีบริเวณที่ยังทำการสำรวจอยู่กว้างพอสมควร

ยังมีบริเวณที่ยังทำการสำรวจอยู่กว้างพอสมควร อาณาบริเวรโดยรวมของโบสถ์นี้แต่เดิมนั้นใหญ่โตมาก

ส่วนนี้ลายพื้นชัดเจน

ส่วนนี้ลายพื้นชัดเจน

...

เดินทางต่อไปยังปราการที่อยู่บนจุดเหนือสุดของเมือง

เดินทางต่อไปยังปราการที่อยู่บนจุดเหนือสุดของเมือง

Samuel’s  Fortress

ป้อมปราการของซามูเอลสร้างในช่วงที่ซามูเอลปกครองเมืองนี้เมื่อปี ค.ศ. 976 – 1014 และตั้งให้เมืองออคริดเป็นเมืองหลวงของมาซิโดเนียในสมัยนั้น เป็นป้อมปราการสมัยยุคกลางที่ใหญ่ที่สุดในประเทศมาซิโดเนียตั้งอยู่บนยอดเขาที่สามารถแลเห็นข้าศึกจากทุกด้าน ล้อมรอบด้วยกำแพงขนาดมหึมายาวกว่า 3 กิโลเมตร เพื่อใช้เป็นที่บัญชาการทางศาสนาและการเมือง ยึดถือว่าเมืองออคริดนี้เป็นเมืองหลวงแห่งยุคกลางจริงๆ

Samuel's  Fortress

Samuel’s Fortress

มองลงไปเห็นโบสถ์ตะกี้อยู่ลิบๆ

มองลงไปเห็นโบสถ์ตะกี้อยู่ลิบๆ

มองงอีกฝั่งเห็นโค้งทะเลสาบสวยงาม

มองงอีกฝั่งเห็นโค้งทะเลสาบสวยงาม

ภายในป้อมปราการมีแต่ซากปรักหักพัง

ภายในป้อมปราการมีแต่ซากปรักหักพัง

...

ทางด้านนี้มองเห็นเมืองทั้งเมือง

สันกำแพงกว้างพอที่จะเดินได้

สันกำแพงยาว 3 กิโลเมตร กว้างพอที่จะเดินได้

หลุมตรงนี้ไม่รู้ไว้ใช้ทำอะไร อาจจะเป็นบ่อน้ำโบราณ

หลุมตรงนี้ไม่รู้ไว้ใช้ทำอะไร อาจจะเป็นบ่อน้ำโบราณ

St. Jovan Kaneo

โบสถ์เซนต์จอห์นที่ผาคาเนียว สร้างเพื่อุทิสแด่เซนต์จอห์น หลักฐานการสร้างโบสถ์นี้ไม่เป็นที่แน่ชัด แต่คาดว่าน่าจะสร้างก่อนปี ค.ศ. 1447 ตัวโบสถ์เทียบกับที่ผ่านมาไม่เก่าเท่าไหร่ แต่ที่นี่เป็นเหมือนแลนด์มาร์คนึงของเมืองจากทำเลที่ตั้งที่โดดเด่นนี่เอง

โบสถ์เซนต์จอห์น

โบสถ์เซนต์จอห์น

ทำเลอยู่ตรงชะแง่นผา สวยงามทีเดียว

ทำเลอยู่ตรงชะแง่นผา สวยงามทีเดียว

ประตูทางเข้าที่ถูกต้องมาทางนี้ แต่ตอนไปเข้าทางด้านหลังเพราะลงมาจากเขา

ประตูทางเข้าที่ถูกต้องมาทางนี้ แต่ตอนไปเข้าทางด้านหลังเพราะลงมาจากเขา

วิวจากตัวโบสถ์

วิวจากตัวโบสถ์

ฝนเริ่มตกจะเดินหลับก็ไกลมาก อาจารย์เลยพาพวกเราขึ้นเรือกลับกัน

ฝนเริ่มตกจะเดินหลับก็ไกลมาก อาจารย์เลยพาพวกเราขึ้นเรือกลับกัน

เรือท้องแหลม โคลงเคลงมากถึงมากที่สุด >.<

เรือท้องแหลม โคลงเคลงมากถึงมากที่สุด >.<

เหมาเรือกลับ

เหมาเรือกลับ

ใครอยู่ข้างนอกก็กางร่มไปนะ (ดีนะที่ข้างนอกเต็ม ตอนแรกอยากไปนั่งเหมือนกัน)

ใครอยู่ข้างนอกก็กางร่มไปนะ (ดีนะที่ข้างนอกเต็ม ตอนแรกอยากไปนั่งเหมือนกัน)

กลับมาที่โรงแรมและกินอาหารกลางวันกัน ส่วนช่วงบ่ายให้เดินเล่น

กลับมาที่โรงแรมและกินอาหารกลางวันกัน ส่วนช่วงบ่ายให้เดินเล่น

ของหวาน

ของหวาน

วิวจากหน้าต่างตอนกลางคืน

วิวจากหน้าต่างตอนกลางคืน

มื้อเย็น (ค่ำ) มีเล่นดนตรีตามโต๊ะต่างๆด้วย

มื้อเย็น (ค่ำ) มีเล่นดนตรีตามโต๊ะต่างๆด้วย

มื้อนี้เนื้อค่อนข้างแข็งและเค็ม

มื้อนี้เนื้อค่อนข้างแข็งและเค็ม

ของหวาน

ของหวาน

มื้อเช้าที่โรงแรมก็แบบทั่วไป

มื้อเช้าที่โรงแรมก็แบบทั่วไป

ตื่นเช้ามาเดินเล่นริมทะเลสาบกับรูมเมท

ตื่นเช้ามาเดินเล่นริมทะเลสาบกับรูมเมท

...

...

ส่วนของเมืองเก่า (เมื่อวานตอนปล่อยอิสระซื้อของแถวนี้เจอแม่ค้าใจดี ซื้อแล้วมีแถมแถมให้)

ส่วนของเมืองเก่า (เมื่อวานตอนปล่อยอิสระซื้อของแถวนี้เจอแม่ค้าใจดี ซื้อแล้วมีแถมฟรีให้)

นั่งเรืออีกแล้ว แต่ลำนี้ดีหน่อยไม่โคลงเท่าเมื่อวาน

นั่งเรืออีกแล้ว แต่ลำนี้ดีหน่อยไม่โคลงเท่าเมื่อวาน

St. Naum church

โบสถ์เซนต์นวมนี้ตั้งอยู่สุดปลายทะเลสาบติดชายแดนอัลบาเนีย ถือเป็นโบสถ์ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของออคริด คาดว่าสร้างเมื่อปี ค.ศ. 910 โดยเซนต์นวม แต่ของเก่าก็ผุพังตามกาลเวลา ที่เห็นอยู่นี้คือโบสถ์ที่บูรณะใหม่เมื่อคริสตศตวรรษที่ 16 และภาพเขียนแบบเฟรสโก้ภายในที่แสดงถึงชีวิตและปาฏิหาริย์ของเซนต์นวมวาดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1806 และข้างในมีมุมหนึ่งที่เชื่อว่าฟังแล้วจะได้ยินเสียงเต้นัวใจของเซนต์นวมที่ฝังอยู่ในโบสถ์แห่งนี้

รูปปั้นเซนต์นอม

รูปปั้นเซนต์นอม

ทางเข้า

ทางเข้า

ภาพโมเสคบนประตู

ภาพโมเสคบนประตู

ที่นี่มีนกยูงเยอะมาก แต่รูปที่ถ่ายติดน่ะเบลอ 555

ที่นี่มีนกยูงเยอะมาก แต่รูปที่ถ่ายติดน่ะเบลอ 555

ประตูดูเก่าดี

ประตูดูเก่าดี

โบสถ์เซนต์นอม

โบสถ์เซนต์นวม ภายในยังเหลือส่วนที่เป็นโครงสร้างเดิมคือเสาสองต้น (ห้ามถ่ายรูปข้างใน)

กลับไปรอเรือ

กลับไปรอเรือ

รอเรือว่างนานพอสมควร

รอเรือว่างนานพอสมควร

ตอนรอฝนเริ่มตกลงมาอีกแล้ว และลมพัดแรงมาก

ตอนรอฝนเริ่มตกลงมาอีกแล้ว และลมพัดแรงมาก

ได้เรือกลับสักที

ได้เรือกลับสักที

เพราะฝนตกผู้คนเลยอยู่ในเรือกันหมด พวกผมก็ขึ้นมาเล่นบนดาดฟ้าเรือสิ

เพราะฝนตกผู้คนเลยอยู่ในเรือกันหมด พวกผมก็ขึ้นมาเล่นบนดาดฟ้าเรือสิ

ยึดดาดฟ้ากันเลย 555

ยึดดาดฟ้ากันเลย 555

เห็นฝั่งไกลๆแล้ว

เห็นฝั่งไกลๆแล้ว

มื้อกลางวันวันนั้น

มื้อกลางวันวันนั้น

ของหวาน

ของหวาน

ช่วงบ่ายก็ปล่อยให้เดินเล่นอิสระ มาดูรูปตอนนี้เสียดายที่ไม่ได้เดินเล่นให้ไกลกว่านี้เลย

ช่วงบ่ายก็ปล่อยให้เดินเล่นอิสระ มาดูรูปตอนนี้เสียดายที่ไม่ได้เดินเล่นให้ไกลกว่านี้เลย

มื้อเย็นวันนั้น อร่อยมาก

มื้อเย็นวันนั้น อร่อยมาก

เอแคลร์ที่ไม่หวานเท่าไหร่

เอแคลร์ที่ไม่หวานเท่าไหร่

อื้อหืม วันสุดท้ายจะกลับแล้ว ฟ้าดันสดใสขึ้นมาซะงั้น

อื้อหืม วันสุดท้ายจะกลับแล้ว ฟ้าดันสดใสขึ้นมาซะงั้น (เหมือนเป็นดวง ชอบเจอฟ้าใสวันกลับ 555)

ไหนๆฟ้าใสขอออกมาถ่ายรูปหน่อย

ไหนๆฟ้าใสขอออกมาถ่ายรูปหน่อย

...

น้ำในทะเลสาบ ใสมาก

น้ำในทะเลสาบ ใสมาก

หลังจากทุกคนพร้อม ก็ออกเดินทางในช่วงเช้าไปยังเมืองบิโตล่าซึ่งเป็นเมืองสุดท้ายที่ไปในประเทสมาซิโดเนียละ

สำหรับรูป 360 panorama เข้าไปดูได้ที่นี่เลย

ขอบคุณข้อมูลจาก : เอกสารที่เบตตี้แจกให้, ohrid.com

2 thoughts on “Macedonia : Ohrid

  1. Pingback: Macedonia : Skopje | Log 2 Blog

  2. Pingback: Macedonia : Bitola | Log 2 Blog

Leave a comment